ในสังคมสมัยใหม่ เนื่องจากมลพิษทางอากาศทวีความรุนแรงขึ้น ความสนใจของสาธารณชนที่มีต่อคุณภาพอากาศภายในอาคารจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตั้งแต่เครื่องฟอกอากาศภายในบ้านไปจนถึงหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และแม้แต่ระบบปรับอากาศในรถยนต์ คำว่า "HEPA" ปรากฏบ่อยครั้ง แม้ว่าคำนี้จะกลายเป็นคำพ้องความหมายของการกรองอากาศคุณภาพสูง แต่ผู้บริโภคจำนวนมากยังคงไม่ทราบว่าแผ่นกรอง HEPA คืออะไร ทำงานอย่างไร หรือจะเลือกใช้อย่างไรอย่างถูกต้อง คู่มือฉบับสมบูรณ์นี้จะสำรวจแง่มุมสำคัญของเทคโนโลยีแผ่นกรอง HEPA
HEPA ย่อมาจาก High-Efficiency Particulate Air filter หรือแผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง แผ่นกรองอากาศเชิงกลเหล่านี้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเฉพาะเพื่อให้สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงฝุ่นละออง ละอองเกสร ขนสัตว์เลี้ยง ควัน แบคทีเรีย และไวรัสจากอากาศ
เทคโนโลยี HEPA มีต้นกำเนิดในสหรัฐอเมริกาในช่วงทศวรรษ 1940 ในช่วงโครงการแมนฮัตตัน ซึ่งพัฒนาขึ้นในตอนแรกเพื่อกรองอนุภาคกัมมันตภาพรังสี คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูแห่งสหรัฐอเมริกาได้มอบหมายให้กองพันเคมีของกองทัพสหรัฐฯ สร้างแผ่นกรองประสิทธิภาพสูงเหล่านี้ ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่าแผ่นกรองทั่วไปในยุคนั้นอย่างมาก
เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น มาตรฐาน HEPA ก็มีการพัฒนาเช่นกัน ข้อกำหนดดั้งเดิมกำหนดให้มีการกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนอย่างน้อย 99.97% มาตรฐานสมัยใหม่ เช่น EN1822 ได้นำการจำแนกประเภทที่เข้มงวดมากขึ้นมาใช้
แผ่นกรอง HEPA ทำหน้าที่สำคัญในหลายภาคส่วน:
แผ่นกรอง HEPA ใช้สี่วิธีหลักในการดักจับทางกายภาพ:
ประสิทธิภาพของแผ่นกรองขึ้นอยู่กับการเลือกวัสดุ:
พารามิเตอร์การประเมินผลหลัก ได้แก่:
เนื่องจากผลิตภัณฑ์จำนวนมากอ้างว่าสอดคล้องกับ HEPA โดยไม่เป็นไปตามมาตรฐาน การรับรองจึงมีความสำคัญ มาตรฐานระดับโลกที่สำคัญ ได้แก่:
ผู้บริโภคควรตรวจสอบ:
Most Penetrating Particle Size (MPPS) แสดงถึงอนุภาคที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะเลี่ยงการกรอง (โดยทั่วไปคือ 0.1-0.2 ไมครอน) แม้ว่ามาตรฐาน HEPA จะทดสอบที่ 0.3 ไมครอน MPPS แสดงถึงความท้าทายด้านประสิทธิภาพที่แท้จริง
แผ่นกรองที่ได้รับการรับรอง EN1822 ระบุประสิทธิภาพ MPPS โดยแผ่นกรอง H13 จะดักจับอนุภาค MPPS ≥99.95% และ H14 ≥99.995%
เพื่อรักษาประสิทธิภาพ:
แผ่นกรอง HEPA ไม่สามารถ:
โซลูชันทางเลือก ได้แก่:
เนื่องจากการรับรู้ถึงคุณภาพอากาศเพิ่มขึ้น เทคโนโลยี HEPA ยังคงก้าวหน้าผ่านนวัตกรรมวัสดุและระบบไฮบริดที่รวมวิธีการฟอกอากาศหลายวิธี อนาคตมีแนวโน้มที่จะเห็นโซลูชันการกรองที่มีประสิทธิภาพ ทนทาน และเฉพาะทางมากขึ้นสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย